เห็นความทุกข์ของปชช.ไหม!?!…ภาพนี้ถึงขั้นกุมขมับ รู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น นั่งแคปไม่ได้ พี่เขาว่ายังไง ถึงต้องกุมขมับ(รายละเอียด)


loading...



ในวันที่ 5 เม.ย. เป็นวันแรก ที่จะเริ่มใช้บังคับใช้กฎหมายตามประกาศของ คสช. ที่ห้ามผู้โดยสารนั่งเบาะแค็บในรถกระบะ และรถที่จดทะเบียนตั้งแต่ปี 2554 ขึ้นไปจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทั้งผู้โดยสารและคนขับ ซึ่งหลายคนต่างไม่พอใจกับนโยบายห้ามรถกระบะมีแคป บรรทุกคนโดยเด็ดขาด โดยโชเฟอร์ถูกคาดโทษ ถึงขั้นกุมขมับ

loading...
v>


ซึ่งทาง พ.ต.อ.ฐาปนพงศ์ ชัยรังษี ผกก.กลุ่มงานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ได้นำกำลังตั้งด่านกวดขันวินัยจราจรที่หน้าวัดโลกโมฬี ถนนมณีนพรัตน์ ต.ศรีภูมิ อ.เมือง จ.เชียงใหม่




และการการตั้งด่านตรวจพบว่า มีชายคนหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์มาจอดในด่านพร้อมกับพูดจาส่งเสียงดังกับตำรวจจราจร พร้อมพูดพาดพิงไปถึงเรื่องที่มีข่าวว่า จะไม่อนุโลมให้ผู้โดยสารนั่งเบาะแค็บหลังรถกระบะ เพราะไม่มีเข็มขัดนิรภัย และหากถูกตำรวจจับจะมีโทษปรับ 2 พันบาท



ชายดังกล่าว ยังกล่าวด้วยว่า ทางตำรวจน่าจะอนุโลมให้นั่งหลังแค็บเพราะว่าชาวบ้านในต่างจังหวัดใช้รถกระบะหรือรถปิกอัพอัพมากกว่ารถเก๋ง และน่าจะมีคนประท้วง บิ๊กตู่ หรือพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีอีกเยอะแน่ จึงไม่เห็นด้วยกับการจับกุม ขอให้ตำรวจอนุโลมไปก่อน จากนั้นจึงขี่รถออกไป





ขณะที่ พ.ต.อ.ฐาปนพงศ์ กล่าวว่า ถึงแม้ว่าวันนี้จะมีการบังคับใช้กฎหมายเป็นวันแรก แต่ทางตำรวจกลุ่มงานจราจรตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่มีการจับกุม ผู้ที่ฝ่าฝืนนั่งในแค็บ และกระบะท้าย โดยตำรวจจะประชาสัมพันธ์ว่ากล่าวตักเตือนไปก่อน หากตรวจเจอครั้งที่ 2 อาจจะมีการจับกุม ส่วนการกวดขันวินัยจราจรทั่วไป พบว่าประชาชนเริ่มตื่นตัวและคาดเข็มขัดนิรภัย ปฏิบัติตามกฎหมายกันมากขึ้น และจับกุมคนที่ไม่คาดเข็มขัดได้เพียงไม่กี่ราย ส่วนมากจะเป็นคนขี่รถจักรยานยนยนต์ ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก และผู้ขับขี่ส่วนใหญ่ก็เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ไม่สวมหมวกนิรภัยก็ถูกจับปรับกันไป








loading...
ทีมา jackpotded.com
เห็นความทุกข์ของปชช.ไหม!?!…ภาพนี้ถึงขั้นกุมขมับ รู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น นั่งแคปไม่ได้ พี่เขาว่ายังไง ถึงต้องกุมขมับ(รายละเอียด)  เห็นความทุกข์ของปชช.ไหม!?!…ภาพนี้ถึงขั้นกุมขมับ รู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น นั่งแคปไม่ได้ พี่เขาว่ายังไง ถึงต้องกุมขมับ(รายละเอียด) Reviewed by Plaocooking on 17:00 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

คุณสามารถแสดงความคิดเห็นในที่นี้ได้ค่ะ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.